จริงๆ ถ้ามีโอกาสได้นั่งรถไปประชุมงานกับเฮีย (หัวหน้า) เวลารถติดๆก็จะคุยกันเรื่องนู้นเรื่องนี้ทั้งเรื่องงาน เรื่องสังคม เรื่องชีวิต เรื่องความรู้รอบตัว
เเละเป็นประจำที่เฮียจะเล่าเรื่องต่างๆให้ฟังเป็นชั่วโมงๆ แล้วก็แลกเปลี่ยนกันสนุกๆ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับพุทธศาสนา ว่างๆจะมาถ่ายทอดเรื่องอื่นๆให้อ่านกันอีก
วันนี้ก็เช่นกัน
วันฝนตกพรำๆ เรานั่งอยู่บนรถ เปิดแอร์เย็นฉ่ำ อยู่บนทางด่วน เฮียเล่าไทม์ไลน์เรื่องตั้งแต่พระพุทธเจ้าเกิด จนถึงตอนตรัสรู้ (ตัวละครเยอะมาก แม่ พ่อ เพื่อน ม้า ชาวบ้าน ลูกคนรวย พราหมณ์ เทวดา พระเเม่ธรณี etc.)
เรากำลังคิดว่า ถ้าเปรียบเทียบกับคนธรรมดาแล้ว การที่จะประสบความสำเร็จหรือการที่เราจะค้นพบคำตอบของชีวิต ค้นพบตัวตนด้านสว่างของเราและเอามันมาใช้ได้นั้น ต้องผ่านการคิดและการทดลองทำอะไรต่อมิอะไรมาเยอะมาก เหมือนตั้งแต่พระพุทธเจ้าแอบหนีออกจากวังไปเจอ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย จนกระทั่งหนีไปบวช ไปทรมานตัวเอง ทดลองเรียนอะไรตั้งหลายอย่าง
ต้องผ่านการงง การตั้งคำถาม การทดลอง การล้มเหลว การถูกทอดทิ้ง ถูกดูถูก และอื่นๆอีกมากมาย
เราชอบตอนที่พระพุทธเจ้านั่งอยู่ใต้ต้นโพธิ์ เหล่ามารก็จะแปลงกายมาขัดขวางไม่ให้พระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ ก็กระทำการต่างๆนาๆ เพื่อให้พระพุทธเจ้าสติกระเจิง
ในขณะเดียวกัน ก็มีเทวดาที่ดี แปลงกายลงมาช่วย (แบบอ้อมๆ) เพื่อให้ทรงตรัสรู้ได้ในที่สุด
ในขณะเดียวกัน ก็มีเทวดาที่ดี แปลงกายลงมาช่วย (แบบอ้อมๆ) เพื่อให้ทรงตรัสรู้ได้ในที่สุด
ที่ชอบตอนนี้เพราะนอกจากเราจะต้องต่อสู้กับตัวเองแล้ว เรายังต้องต่อสู้ฟันฝ่าสภาพสังคมและปัจจัยภายนอกต่างๆที่คอยจะขัดขวางเรา จนวินาทีสุดท้ายเลยทีเดียว เหมือนกับมารพวกนั้นที่คอยขัดขวางพระพุทธเจ้า
แต่
สังคมก็ไม่ได้มีแต่มาร ก็ยังมีเทวดา ยังมีอีกตั้งหลายคนหลายอย่างที่คอย support เรา ช่วยเหลือให้เรายังคงอยู่ในสติได้ ช่วยให้เราคิด ช่วยให้เราทำ ช่วยแก้ปัญหาให้เรา เพียงแต่เราต้องแน่วแน่และหวังดี
ก็เอาไว้นึกถึง เวลาเจอมาร(อุปสรรค - มารในหลายรูปแบบ) ก็ให้เมตตามารเหล่านั้น และพิจารณาสติตัวเองให้ดี แล้วก็เดินต่อด้วยความสุข
ทำยากนะ แต่ของงี้ก็ต้องฝึกแหละ ใครก็ต้องฝึก พระพุทธเจ้าก็ยังต้องฝึก