The Founder : The Art of Management and The Power of Control
การต่อสู้ผ่านร้อนผ่านหนาวของพี่น้อง Richard
(Dick) และ Maurice (Mac)
McDonaldสะท้อนให้เห็นว่าทั้งสองคนเป็น
Salary-Replacement
Entrepreneur เติบโตจากเด็กยากจน
สู่การเป็นมนุษย์เงินเดือนและไล่ตามฝันที่จะมีกิจการเป็นของตัวเอง ด้วยพรสวรรค์
และประสบการณ์ เป็นจุดกำเนิดของร้านแมคโดนัลด์ที่เปลี่ยนวิธีกินอาหารของคนอเมริกันไปตลอดกาล
Ray Kroc นักขายผู้ทะเยอทะยาน มุ่งมั่น ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่อยากได้
ทุกโอกาสในการเติบโตและการไปถึงจุดสูงที่สุดกว่าทุกคนคือสิ่งที่เค้าคิดถึงอยู่ตลอดเวลา
อย่างที่ในหนังได้อ้างอิงคำพูดของ Ralph Waldo Emerson
ว่า “A man is what he thinks about all day long”
แต่ความเป็น “ผู้บุกเบิก” หรือ“นักขาย” อย่างเดียว
อาจไม่พอในการสร้างจักรวรรดิอาหารจานด่วนอย่างแมคโดนัลด์ได้
การผ่านอุปสรรคและความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในชีวิตของทั้ง 3 คน
ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า ส่วนประกอบสำคัญที่นำแมคโดนัลด์
แฟรนไชส์อาหารและบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
คือ 1. การจัดการที่มีประสิทธิภาพ
และ
2. การสร้างอำนาจในการควบคุม
1. การจัดการที่มีประสิทธิภาพ : The Art of Management
1.1 Timing
and Behaviors : การขยายกิจการของบริษัทในโลก
สาเหตุที่ทำให้ล้มเหลวมากที่สุดคือ
Timing ซึ่งมีผลต่อเนื่องถึงพฤติกรรมลูกค้า
แมคโดนัลด์สาขาแรกเริ่มจากการทำ Drive Through ซึ่งเป็นรูปแบบที่กำลังแพร่หลายในอเมริกา
เมื่อ Ray มาเยี่ยมร้านและพบว่าพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปแล้ว แม่บ้านพาลูกมาทานอาหารนอกบ้านมากขึ้นและเป็นโอกาสสำคัญที่จะลงมือทำอะไรบางอย่าง
(หากทำก่อนหน้านี้ อาจล้มเหลวเหมือนกับที่ Dick และ Mac สูญเสียธุรกิจโรงหนังไป)
1.2 Brand Building : ทรัพยาการที่สำคัญที่สุดของการทำ Franchising
·
การวางทิศทาง Brand ให้ชัดเจน : แมคโดนัลด์วางตัวเป็นพื้นที่สำหรับครอบครัว
เป็น “ The New
Church of America” เช่น เสิร์ฟอาหารที่ช่วยทำให้คนจดจำได้ง่าย กำจัดทุกอย่างที่ family Unfriendly ออกหมด
เป็นต้น
·
Distinctiveness : Trademark ทั้งชื่อ สี รูปแบบอาคาร
โลโก้ ที่ล้วนสร้างความเป็นแมคโดนัลด์ที่ใครก็เลียนแบบไม่ได้และสร้างมูลค่ามหาศาลตามมา
แม้ Mac จะพาใครต่อใครเดิมชมครัว
เปิดขั้นตอนทุกอย่างให้ดู ก็ “โขมย” Intellectual Property นี้ไปไม่ได้ (ที่พี่น้อง Mac
และ Dick ไม่รู้เลยว่ามันคือ Intellectual
Property ที่สำคัญ)
1.3 Scaling Process
·
Scalable
Process : ตั้งใจหรือไม่
แต่พี่น้อง Dick และ Mac ได้สร้าง “Speedee” ระบบการทำงานแบบใหม่ที่ Repeatable เพื่อให้การทำงานไปในทิศทางเดียวกัน
และเพิ่มประสิทธิภาพ-ประสิทธิผลการผลิต
·
Franchisee
Collection : การเลือกผู้ทำ
Franchise ไม่ใช่ใครก็ได้ แต่ต้องเลือกคนที่จะสามารถพาร้านอาหารให้ไปในทิศทางเดียวกับร้านแม่ได้
Ray เริ่มต้นจากการหา Franchisee ด้วย
Connection ส่วนตัว (เหมือนกับ Startup ทั่วไปที่เริ่มจาคนใกล้ตัวก่อน) แต่ก็ล้มเหลวและเปลี่ยนวิธีหา Franchisee
โดยการคัดเลือกคนที่อยากทำและจะสามารถทุ่มเวลาทั้งหมดให้มันได้เท่านั้น
·
Quality Control : เมื่อมีหลายร้านมากขึ้น
การควบคุมงานก็ยากขึ้น เจ้าของ Franchise ต้องระบบบางอย่างเพื่อควบคุม Franchisee
ให้ได้ โดย Ray เริ่มด้วยการลงเยี่ยมร้าน ช่วย Training
สอน How to และในที่สุด
ใช้วิธีทางกฏหมายคือเป็นเจ้าของที่ดิน
1.4
Working Together
·
แม้ว่าภาพฝันปลายทางอาจจะเหมือนกัน แต่วิธีการและระดับความเสี่ยงที่แต่ละคนรับได้ไม่เท่ากัน
Ray ต้องการโตอย่างรวดเร็ว แต่ Mac กับ Dick กลัวความเสี่ยงมาก
ดังนั้นหากมีการเจรจาหรือตั้ง KPI ร่วมกันจะช่วยบรรเทาความขัดแย้งได้
·
การสร้างความเชื่อใจและการสื่อสารอย่างโปร่งใส่ระหว่างกัน
(อย่ากระแทกหูโทรศัพท์ใส่กัน !) ความสัมพันธ์ระหว่างกันอาจจะสำคัญกว่าสัญญาบนกระดาษก็เป็นได้
·
ควรรับฟังและหาทางออกร่วมกัน Mac และ Dick คิดว่ามีสัญญาในมือและ ไม่มีพื้นที่ในการทำงานให้ Ray มากนักจนเกิดความขัดแย้งในหลายกรณี เช่น กรณี Insta-mix
เป็นต้น
1.5
Helpful Partner / Talent Management : ในการขยายกิจการก็ต้องใช้ทีมงานที่ดี Ray เก็บลูกน้องที่คิดว่ามี Potential ไว้ใกล้ตัวและปั้นเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพในการขยายการทำงาน
1.6
If you don’t grow, you’re DEAD : กิจการ ถ้าไม่โต
ไม่นานก็จะมีคนเข้ามาแข่ง และไม่นานก็จะตาย
หรือแย่กว่านั้นคือเป็น Zombie ที่ไม่สามารถไปไหนได้ เหมือน Mac
และ Dick เจอและคิดได้ช่วงอยู่โรงพยาบาล Mac ได้พูดออกมาว่า “We’ll never beat him”
2
การสร้างอำนาจในการควบคุม
: The Power of Control
2.1
Empathy
First : การขยายกิจการแบบ Franchise
คือการทำงานร่วมกันของคนหลายส่วนที่ต้องไปในทิศทางเดียวกัน
(เช่นเดียวกับธุรกิจแบบอื่นๆ) หากมีคนถูกเอาเปรียบหรือไม่สามารถโตไปพร้อมกับองคาพยพหลักได้
ไม่สามารถยืดหยุ่นได้ ก็ไม่อาจสร้างความยั่งยืนในการดำเนินงานได้ การใช้กฏหมายจึงเป็นเพียงเครื่องมือในการสร้างกรอบการทำงานร่วมกันเพื่อให้ สิทธิ-หน้าที่ ในการทำงานร่วมกันชัดเจนขึ้นเท่านั้น
2.2
Contract : อย่างที่ Ray ได้กล่าวว่า
“Contracts are like hearts. They’re made to be broken.” ในการดำเนินงานจริงในระยะยาว
สัญญาจะไม่สามารถบอกวาอะไรทำได้หรือไม่ได้อย่างชัดเจนอีกต่อไปเนื่องจากสถาการณ์และสถานะของธุรกิจที่เปลี่ยนไป
การเซ็นสัญญาของ Ray
ในตอนแรกเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่มีทนาย ไม่ได้ประเมินอย่างละเอียดก่อน
ทำให้มองข้ามเรื่องรายได้ไปจนเป็นผลต่อเนื่องถึงอนาคต โดยในสัญญาระบุว่า Ray
ได้ผลตอบแทน 1.9% และต้องแบ่งให้ Mac และ Dick 0.5% เหลือเพียง 1.4%
ซึ่งกระทบ Cash flow และความสามารถในการขยายกิจการของ Ray
และการต่อรองเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งก็ยากเพราะ Mac และ
Dick ไม่อนุญาตและไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในสัญญา
โดยไม่สนใจความลำบากของ Ray
2.3
Assets Breakdown : หลังจากที่ได้ Harry j. Sonneborn มาดูเรื่องการเงินและพบว่าปัญหาที่
Ray กำลังเจอ คือ 1. มีกระแสรายได้ที่น้อยมาก
(1.4% จากยอดขาย) ทำให้
2. ไม่มีเงินสดสำรอง 3.การทำสัญญาระยะยาวที่ผูกมัดและเป็นอุปสรรคในการขยับขยาย
จึงได้เสนอทางออกให้ Breakdown กระบวนการทำงานและสินทรัพย์จนพบว่า ที่ดิน คือสินทรัพย์ที่สำคัญที่จะสร้างทั้งรายได้และอำนาจในการควบคุมกิจการ และลดทอนความเป็นเจ้าของของ Mac และ
Dick ลงอย่างมาก โครงสร้างและวิธีการทำงานของ Ray
ก็เปลี่ยนไป เกิดเป็น Franchise Realty Corporation ควบคุมอำนาจผ่านการจัดการอสังหาริมทรัพย์
ทำให้แมคโดนัลด์ กลายเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาและบีบให้
Mac และ Dick ต้องขายความเป็นเจ้าของในที่สุด
โดยได้รับเงินเพียงคนละ 1.35 ล้านดอลล่าเท่านั้น
2.4 Hand
Shake Contract : Mac และ Dick เจราจาขอค่า
Royalty 1% จาก Ray แต่จากการเจรจาการทำข้อตกลงจบด้วยวิธีการจับมือแทนการเซ็นสัญญา
ทำให้สองพี่น้องไม่เคยได้ค่า Royalty เลยจนถึงปัจจุบัน เพราะไม่สามารถพิสูจน์ต่อศาลได้ว่าเกิด
“สัญญา” ขึ้นจริงๆ
2.5 Intellectual
Property control : สินทรัพย์ที่พอจะสร้างความได้เปรียบในการต่อรองให้
Mac และ Dick ได้คือ IP ทั้งหลาย เช่น Trademark, Process ต่างๆ แต่ก็ไม่ได้ทำการปกป้องไว้ในรูปแบบใดเลย
ทั้งการจดและTrade secretรวมทั้งในสัญญาเดิมก็ไม่ได้มีระบุขอบเขตอำนาจใดๆนอกเหนือจากกิจกรรมในร้าน
ทำให้เป็นช่องว่างให้ Ray สามารถ Claim ทุกอย่างมาเป็นของตัวเองได้ในท้ายที่สุด
สุดท้ายของภาพยนตร์ “Spirit in The Sky” ถูกเลือกเป็นเพลงประกอบ
และสื่อ(แบบกัดจิก) เป็นอย่างดีของคนแบบ Ray Kroc ผู้ที่มองเห็นภาพตัวเอง “When I die and they lay me to rest,gonna go
to the place that’s the best” ซึ่งในท้ายที่สุด Ray
ได้ทุกอย่างไปครอบครอง ทั้งอสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์
(รวมทั้งภรรยาของ Partner) และสร้างจักรวรรดิ์ที่เสิร์ฟอาหารให้คน 1% ของโลก ด้วยสิ่งที่เขาเชื่อเสมอมาและเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดในตัวมนุษย์ผู้นี้ คือ “Persistence”
ความมุ่งมั่นแบบกัดไม่ปล่อยนั่นเอง
“ Persistence , Nothing in the world can take the place of
persistence
Talent won’t ; nothing is more
common than unsuccessful men with talent
Genius won’t ;
unrewarded genius is practically a cliché
Education won’t ;
the world is full of educated fools
Persistence
and determination alone are all powerful”
The
Founder, 2016