คืองี้
เราคิดว่าคนไทยรุ่นๆเราเเละแก่กว่าเนี่ย น่าจะได้ยินชื่อประเทศสวิตเซอร์แลนด์กันบ่อยๆ จากข่าวในพระราชสำนักเพราะเป็นประเทศที่รัชการที่ 8 ในหลวงและพระพี่นางเติบโตขึ้นมานั่นเอง
สวิตเซอร์แลนด์ขึ้นชื่อมากกก เรื่องความแพง 555 ไม่ใช่โว้ย เรื่องความสวยของบ้านเมืองและภูมิประเทศที่สวยงาม ภูเขา สกี การเกษตร การศึกษา เทคโนโลยี ความเจริญทั้งหลาย
พูดถึงเรื่องความแพง แม้แต่คนยุโรปด้วยกันเองก็ยังพูดว่าแพงมากนะ ใครเคยดูคุณชายปวรรุจจะเห็นว่าถ้าไม่รวยอย่างอีหญิงแต้วนี่ตามไปหาถึงที่ไม่ได้นะจ๊ะ 555 สายเปย์ของจริง
อีนี่ก็ อืม สักครั้งในชีวิตล่ะวะ เป็นประเทศในฝันของแม่ แถมแม่ยังออกตังให้บางส่วนด้วยแหละ ไม่ใช่อะไร 555
เข้าเรื่องกันดีกว่า
เราได้ตั๋วโปรจาก etihad แต่ต้องบินออกจากฮ่องกง - ซูริค และกลับจาก เวนิซ-กทม เลยได้วางแผนเที่ยวยาวๆไปเลยสิบวัน 2 ประเทศ การเตรียมตัวบ้าๆบอๆ เที่ยวฮ่องกง ได้จากบทความก่อนหน้านี้เลยจ้า
พาแม่เที่ยวฮ่องกง/สวิส/อิตาลี ตอนที่ 1- 4
คือ นี่หาข้อมูลน้อยมากจริงๆ น้อยมากกกกกก เป็นทริปแบบ ขอเดินไปเรื่อยๆเหนื่อยก็พัก นอนเพียงพอ กินอาหารอิ่มไม่แร้นแค้นไม่หรูหราเกินไป เรียกว่า ไปดื่มด่ำบรรยากาศประเทศเขามากกว่าจะไปเก็บไอเท็ม
แผนก็คือ Zurich >> Stein Am Rhine - Schaffhausen / Rhein fall >> Lucerne / Brienz / interlaken Ost. >> jungfrau >> Bern /Thun >> Zermatt >> Lausaane >> Geneva >> Venice ดังนั้นก็เลยต้องจองตั๋วเครื่องบินเจนีวา-เวนิซ ของ easy jet ไปด้วย (ถูกมว๊ากกกก ถูกกว่ากทม-เชียงใหม่ อิดอก 555 ไปเช็คราคากันเอาเองถ้าจะไป)
นี่คือแผนที่สวิตฯ
 |
รูปจาก www.sitesatlas.com จะเห็นว่านางถูกขนาบด้วยประเทศยักษ์ 3 ประเทศและประเทศน้อย 2 ประเทศ และไม่มีทางออกสู่ทะเล |
จากรูปจะเห็นว่า นางไม่มีทางออกสู่ทะเลจ้าาาา อันนี้ก็เป็นทริกเล็กๆน้อยๆเวลาแอ๊วผู้สวิสนะ สามารถชวนนางมาเที่ยวทะเลไทยได้ บอกไปเลยว่าเดี๋ยวมันจะเสื่อมโทรมแล้วนะ ปะการังก็จะตายห่าหมดแล้ว อาหารทะเลดีดีก็จะไม่มีกินแล้ว รีบมาเที่ยว
ส่วนผู้ยุโรปที่ใช้มุกนี้จีบได้อีกก็คือออสเตรียอย่างที่เห็นในแผนที่ และอีกหลายประเทศในยุโรป
 |
แผนที่ภาษาที่ใช้ในสวิตฯ จาก wikipedia |
สวิตเซอร์แลนด์มีภาษาราชการ 4 ภาษาค่ะอีดอก เยอะไปไหน 555 หลักๆที่ไปเที่ยวแล้วเจอเนี่ยก็จะเป็นเยอรมันกับฝรั่งเศส มีภาษาอิตาลีและโรมานช์อยู่นิดหน่อย แบ่งง่ายๆก็ฝั่งติดเยอรมันหรือฝั่งเหนือ กลาง และตะวันออกก็จะพูดเยอรมัน ฝั่งติดฝรั่งเศสหรือตะวันตกก็จะพูดฝรั่งเศส ฝั่งที่ติดอิตาลีหรือทางใต้ๆก็จะพูดอิตาลี ง่ายไหมล่ะมึง ส่วนภาษาโรมานช์ก็มีบ้างทางตะวันออก และยังมีภาษาท้องถิ่นอื่นๆอีกนะ บางที่แม่งพูดกันได้ 3 ภาษาไปอีกกกกก
นี่เคยเรียนแต่ภาษาเยอรมัน ตอนอยู่ฝั่งเยอรมันก็พอเดาได้อะไรเป็นอะไร พอข้ามไปฝั่งฝรั่งเศสปุ๊ป ใบ้แดกเลยจ้าาาา อ่านเหี้ยอะไรก็ไม่ออก T-T (แม้จะเคยเรียนมาเดือนนึงก็ไม่กระดิกเลย)
อะ เริ่มกันที่ซูริคเนาะ
ซูริคตั้งอยู่ทางเหนือของทะเลสาบซูริค อยู่เหนือๆของสวิตฯ เป็นเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจที่สุดของประเทศแล้วมั้ง หลายคนเข้าใจว่านางคือเมืองหลวง ไม่ใช่เด้อ เมืองหลวงนางชื่อ Bern นะจ๊ะ ซึ่งทริปนี้เราก็จะไปแวะเบิร์นกันด้วย อิอิอิอิอิ (ใครคิดจังไรยกมือ)
พูดถึงความสับสนเรื่องเมืองหลวงเนี่ย มีครั้งนึง นั่งรถไฟไทยขึ้นเหนือไปกับเพื่อนๆชาวแก๊งค่ายอาสา เพื่อนคนนึง มันชื่อโอ๊ต ซึ่งอีโอ๊ตเนี่ย ตอนนี้ทำงานแบงค์ชาตินะจ๊ะ คือมันเรียนเก่งมาก เศรษฐศาสตร์เนี่ยรู้เรื่องหมด แต่ความรู้รอบตัวแม่ง เรียกว่าศูนย์ค่ะอีดอก แล้วมันจะเป็นผู้ชายตัวใหญ่ๆ หน้าโหดๆ มีปานที่เหมือนรอยแผลเป็นอยู่บนหน้า .... แต่!!! มุ้งมิ้งมากกก และโดนแกล้งเป็นประจำ จนได้ฉายา โอ๊ต คนที่โง่ที่สุดในคณะ (แต่เสือกจบเกียรตินิยมนะมึง 555)
คราวนั้นมีอีตัวแสบของคณะไปด้วย ... ชื่ออีนนท์ อีนนท์เนี่ยเป็นผู้ชายปากหมามากกกก ด่าสาดด่ากระจายด่าเสียๆหายๆ 55555 จังไรมากอีดอก เถียงมันไม่เคยทัน แล้วอยู่บนรถไฟก็เล่นเกมส์กันไปเรื่อย โดยมีอีโอ๊ตเป็นเหยื่อให้เพื่อนๆแกล้งเช่นเคย อีนนท์ก็ถามความรู้รอบตัวอีโอ๊ตไปเรื่อย ถามว่าหาดใหญ่อยู่จังหวัดอะไร โคราชชื่อเต็มว่าอะไร โคราชอยู่ภาคไหน มันตอบไม่ได้ซักคำถาม จนมาถึงคำถามนี้
นนท์ : ไอ้โอ๊ต เมืองหลวงของอเมริกา ชื่อว่าอะไร
โอ๊ต : ....
นนท์ : ไอ่ควายยยย ตอบไม่ได้อีกละะ
เพื่อนๆ : (หัวเราะท้องแข็ง)
โอ๊ต : ไม่รู้ว่ะ อะไรวะ
นนท์ : (ด้วยเสียงอันดังและท่าทางมั่นใจมากกก) เมืองหลวงของอเมริกา ก็นิวยอร์กไง ไอ้ควายยยยยยย
เพื่อนๆ : ....
โอ๊ต: ...
นนท์ : ....
เพื่อนๆ : ไอ้เหี้ยนนท์ เมืองหลวงอเมริกาคือวอชิงตัน ดีซี โว้ยยยยย
เพื่อนๆ+โอ๊ต : ไอ้ควายยยยยยยยยยยย (หัวเราะท้องแข็งกว่าเดิม)
จะแกล้งใครอย่าลืมเช็คข้อมูลดีๆนะ 555555555
อะ พอละ จบการเกริ่นแต่เพียงเท่านี้ ไปเที่ยวกันดีกว่า 5555
ลงเครื่องมาปุ๊ปก็สัมผัสได้ถึงความสงบสุขของประเทศเลยเหอะเอาจริง ได้รับการต้อนรับจากหนุ่มๆตระกูล hemsworth ชื่นใจมากค่ะ คนนึงขายน้ำหอมคนนึงขายนาฬิกา
 |
พี่คริส |
 |
พี่เลียม |
สองคืนแรกเราพักที่โรงแรม ibis budget Zurich Airport ใกล้แอร์พอร์ตมากกก ทริปนี้มีงบจำกัดมาก เลยนอนโรงแรมได้คืนละไม่เกิน 3,000 บาทดังนั้นก็จะได้โรงแรมประเภท budget คุณภาพกลางๆธรรมดาๆ เพราะอย่างที่บอก ที่นี่แพงทุกอย่างจริงๆ
จากแอร์พอร์ต มาโรงแรมก็นั่งรถไฟมาค่ะ สะดวกและแปปเดียว ถูกด้วยเพราะมันแค่ 2 สถานี นี่ก็ลืมไปว่าตัวเองมี swiss pass ก็ลืม ดันซื้อตั๋วรถไฟซ้ำไปหลายรอบเลยซะงั้น จะด่าว่าควายก็สงสารควาย ไม่หาข้อมูลมาก็จะเสร่อแบบนี้เเล 555
บอกก่อนเลยว่า swiss pass มีไว้เถิด รถไฟที่นี่ แพงมวากกกก เราซื้อที่สนามบินซูริคแบบ 7 วันไป ก็ใช้ได้เลย ขึ้นได้แทบจะทุกอย่างอะเธอ เรือ รถ แทรม รถไฟ (บางอันแปลกๆไม่แน่ใจว่าขึ้นได้มั้ยก็ถามเจ้าหน้าที่ได้เลย) อายุไม่เกิน 25 อย่างชั้นก็ได้ส่วนลดเหลือแปดพันกว่า ส่วนแก่กว่านั้นก็จ่ายหมื่นนิดๆไปแล้วกันนะจ๊ะ 555 (ล้อเล่น ปีหน้ากุก็เกินละ)
ที่นี่ใช้เงินสวิสฟรังก์นะ (CHF) แลก Euro มาใช้ก็ได้ เค้านับเป็น 1:1 แล้วตอนไปแลกเงิน ถ้าที่ไหนไม่มีแบงค์ย่อยให้ ด่าเลยจ้ะ 555 เพราะว่าที่นี่ไม่มีทางรับแบงค์พัน chf แน่นอน ... อีบ้า! คิดดู มึงซื้อของห้าร้อยบาท เค้าจะรับมั้ยแบงค์หมื่นบาทมั้ย คือนี่พลาด โดนที่แลกเงินที่ไทยให้แบงค์พัน chf มาหลายใบเลย เซ็งมาก ต้องไปหาที่แลก นี่ไปแลกที่ธนาคาร credit Suisse มา (พนักงานหล่อชิบหาย ต้องขอบคุณที่แลกเงินที่ไทยสำหรับโอกาสดีๆ)
 |
สถานีรถไฟ นั่งชิวๆ ตึกสีแดงๆข้างหลังนั่นคือโรงแรม เดินใกล้มาก ประมาณ 20 ก้าว 555
นี่แม่กูนะไม่ใช่กู แม้จะหน้าเหมือนมากก็ตาม |
ขึ้นรถไฟที่ซูริคตอนแรกงงมาก ที่นี่เค้าไม่ค่อยมีตรวจตั๋วว่ะแก (เรียกว่าไม่ตรวจเลยก็ว่าได้ ไม่มีที่ติ๊ก ไม่มีอะไรทั้งนั้นนนนน) แต่ทุกคนก็ซื้อตั๋ว ... คือดีงามมม ประทับใจมากกกกก .... แล้วรถสาธารณะเค้านะ คนพิการก็เดินทางได้เองสะดวกเลย ระบบเปิดปิดรถไฟคือ บางทีประตูจะไม่ได้เปิดอัตโนมัตินะ มันจะมีหลายประตูใช่ปะ จะลงประตูไหนก็กดเปิดประตูนั้น ... ชั้นชอบนะ ชั้นประทับใจอะไรแบบนี้
บ้านเมืองสะอ๊าดดดดดดดดดดด สะอาดดดด
อากาศดี๊ดี นี่ไปช่วงต้นเมษา ไม่มีหิมะละ แต่หนาวอยู่ หนาวแบบ 13-14 กะลังดี ชั้นชอบมาก ได้แต่งตัวง่ายด้วย(เสื้อยืดข้างในธรรมดาๆแล้วใส่โค้ททับ ง่าย 555) ไม่ต้องลุยหิมะด้วย
เก็บของในโรงแรมเสร็จก็ได้เวลาออกไปเดินเที่ยวซูริคกันละ ก็นั่งรถไฟย้อนกลับไปที่สนามบินเพื่อนั่งรถอีกสายเข้าเมือง มันจะเร็วกว่าขึ้นหน้าโรงแรม กะหาไรกินที่สนามบินด้วย
อ่อ ไปสวิตโหลดแอปดูเวลารถไฟไว้เลยจ้าาา SBB mobile โคตรดีงาม บอกเวลา แพลทฟอร์ม ต่อรถต่อเรืออะไรยังไงบอกหมด ซื้อตั๋วผ่านแอปได้เลยอีกต่างหาก
นี่ไม่ได้เปิดเน็ทนะ ใช้ได้ตอนมี wifi ฟรีเท่านั้น ห้าๆๆๆ ไอโฟนเอาไว้ถ่ายรูปอย่างเดียว นอกนั้นพึ่งแผนที่จาก information ล้วนๆ ซึ่งสถานีรถไฟแทบทุกที่มี information มึงก็เดินตามตัว i ไปนะ อะไรๆก็เป็นระบบ ป้ายก็สะดวก ทำอะไรก็ง่ายไปหมด หรือใครจะโหลดในมือถือเก็บไว้ก็เสิร์ชกูเกิ้ลได้เลย มีเยอะแยะ
มื้อแรกก็ไปสะดุดฟู้ดคอร์ทที่มีพ่อค้าหล่อ อ้าว ที่เล็งอยู่ดันเป็นร้านอาหารไทยซะงั้น 55
ที่นี่จ่ายเงินจากบัตรได้เลยนะ ร้านเล็กร้านน้อยรูดได้หมด ตู้กดตั๋วหรือกดอะไรก็รูดได้หมด ดีมากๆ ไม่ต้องพกเงินสด ว่าแล้วก็ไปสั่งแกงอะไรจำไม่ได้ละ แกงกะทินี่ล่ะ แค่เดินไปหน้าร้าน เจ้าของร้านผู้หญิงก็เดินออกมาถาม "ทานอะไรจ๊ะ" ห้าๆๆๆๆ แสดงว่าหน้าบอกยี่ห้อมากว่าไทยแน่ๆ (อดเลย กะจะสั่งกะผู้ชายซะหน่อย)
ละประเทศนี้คนไทยเยอะนะ เวลาไปเจอร้านอาหารที่คนไทยเป็นเจ้าของก็ไม่ต้องไปต่อราคาเค้าเพียงเพราะว่าเค้าเกิดประเทศเดียวกะมึงนะคะ ของซื้อของขาย ห่านนน 5555
ข้าวราดแกงจานนี้เกือบหกร้อยกว่าบาทเน้อ แต่กินได้ 2 คนเลยนะ ให้เยอะมากกกกกกก ส่วนเราก็สั่งแมคไปตามระเบียบ (สามสี่ร้อยบาท จำราคาไม่ค่อยได้ละ) เลยกินไม่หมดทั้งแมคทั้งข้าว
อะกินเสร็จก็นั่งรถไฟเข้าเมืองไปโผล่สถานี
Zürich Hauptbahnhof ซึ่งเราเรียกสั้นๆว่า Zürich HB นาจาาาา ระหว่างทางก็แอบมีกราฟฟิตี้ให้ดู
โผล่ขึ้นมาบนดินก็จะเห็นเจ้ guardian angel ผู้โด่งดัง นางเป็นผลงานของศิลปินเชื้อสายสวิส-ฝรั่งเศส Niki De Saint Phalle ให้เป็นของขวัญมาเเขวนไว้วันครบรอบ 150 ปีของสถานี ผลงานนางก็จะแนวนี้แหละ สีๆ น่ารักๆ ใครสนใจศิลปะก็ไปค้นดูได้
 |
guardian angel |
ออกมาหน้าสถานีเหมือนอยู่คนละโลก เห้ยยย นี่จะพาไปดูตัวอย่างชุมชนเมืองของประเทศปั๊ดตะนาแย้ววววว ผ่านการเดินถนน Bahnhofstrasse ซึ่งถือว่าเป็นถนนหลักในย่านดาวน์ทาวน์ของซูริคกันจ้าาา!!!!!
ตึกที่มีธงนั่นคือสถานี zurich HB หน้าสถานีก็จะดูผู้คนขวักไขว่เล็กน้อยเพราะเป็นชุมทางการขนส่ง แต่รถยนต์บนถนนน้อยมาก เคยถามเพื่อนชาวสวิสนางบอกว่าคนก็ใช้รถส่วนตัวเมื่อจำเป็นต้องใช้เพราะการเดินทางสาธารณะสะดวกกว่า การใช้รถเพื่ออวดรวยจะมีความเสร่อมาก(อันนี้แทบทุกประเทศที่พัฒนาแล้วจะเป็น) แต่บ้านเราถ้าไม่มีรถคุณภาพชีวิตจะลำบากมากเลยว่ามั้ย
เห็นลุงตัวเขียวๆที่ยืนอยู่นั่นมั้ย นั่นคืออนุสาวรีย์ของ Richard Kissling ศิลปินชาวสวิส และ Afred Escher นักการเมืองและผู้บุกเบิกการรถไฟในสวิตเซอร์แลนด์ (เหมือนจะเป็นคนก่อตั้งอะไรหลายๆอย่างมากเลย ลองหาดูเด้อ นี่อ่านแล้วมันยาวไปขี้เกียจเขียน 55 )
คือที่นี่ไม่มี(หรือมีแล้วกูไม่เห็น) ห้าง ที่เป็น ห้างอะ ที่เป็นตึกๆแล้วมีร้านๆเยอะๆอะ ไม่มี จะมีเป็นร้านๆ เรียงรายตามแนวถนนเหมือนเป็นร้านขายของธรรมดาแต่จริงๆแม่งขายของหรูมาก หลายร้านมียามตัวเบ้อเริ่มยืนเฝ้า แต่พื้นที่ foot path กว้างมากกกกกกกกกกกกก สะอาด มีต้นไม้ร่มรื่น มีที่นั่ง โคตรดี
ถนนนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในถนนที่ขายของหรูหราที่สุดในโลก อสังหาที่ถนนนี้ราคาแพงที่สุดในยุโรปและเป็นอันดับสามของโลก มีแทรมผ่าตรงกลาง ไม่แออัด และ... ตั้งแต่กุลงจากสนามบินมาจนป่านนี้ ยังไม่เห็นใครที่แต่งตัวธรรมดาเลย ทุกคนแต่งตัวดีหมดเลยยยยยย สะอาด ผมเผ้าดี ผิวพรรณ เสื้อผ้า ดีมากกกกก บียอนด์มาก และมักจะมีสวนดอกไม้ให้นั่งชิวส่องการแต่งตัวของชาวบ้านแถวนี้ค่ะคุณ
 |
กลางเมืองก็จะมีสวนแบบเนี้ย ให้นั่งพัก |
เอาจริง คือชอบมาก มันเป็นถนนที่ขายของหรูหรานะแก แต่มันให้ความรู้สึกว่า ที่นี่คือที่สำหรับคนอยู่ด้วยอะ คนก็ใช้ชีวิตกัน เดินคุยงาน นั่งเล่น มีสวนให้แวะ เดินฟังเพลง วิ่งออกกำลังกาย แก... ปะเต้ดปั๊ดตะนาแล้วอะ ... มันคือแบบนี้ใช่มั้ย มันคือประเทศที่ผู้คนมีพื้นที่ที่เอื้อสำหรับใช้ชีวิตจริงๆ... ใช่มั้ยแก
ไม่รู้ว่ะ ชั้นจะหาต่อไปว่ามันมีอะไรบ้างที่ประเทศเขามีแต่เราไม่มีจนต้องอิจฉา
 |
ส่องผู้ชายเพลินๆ |
พูดไม่ทันขาดคำ เดินมาเจอสวนสาธารณะอีกละ มีสวนสนุกย่อมๆให้เด็กๆด้วย คนก็นั่งกินลมชมวิว ชมนกชมไม้กันไป ชิวมาก นั่งอยู่ตรงนี้กันเกือบยี่สิบนาที ส่องผู้ชาย เอ้ย กินบรรยากาศกันให้อิ่มเลย
เดินมาอีกหน่อย ข้ามถนนไป ก็จะเป็นทะเลสาบซูริค เป็นพื้นที่ริมน้ำ ให้คนได้มาทำกิจกรรมนู่นนี่กัน ดีงามตามท้องเรื่อง
ทางจักรยาน มีอยู่ทุกที่ สะดวกมวากกกกกกกกกก ในใจกลางเมืองอาจจะมีรถเยอะหน่อย (นี่เยอะแล้วหรอ 555) ก็จะต้องมีสัญญานไปแดง ให้คนข้ามได้หรือไม่ได้ แต่ถ้าออกไปนอกๆเมือง เห็นทางม้าลายก็ข้ามได้เลยจ้า รถจะหยุดให้ เป็นแบบนี้ทุกประเทศที่เคยไปมา ยกเว้นประเทศไทย ไม่เข้าใจ ยากตรงไหน
เดี๋ยวตอนต่อไปจะมาด่าประเทศไทยให้ฟังต่อและจะพาไปเที่ยวชมสถานที่สำคัญกันนะค้าาาาา 55555 คงเป็นธรรมดาแหละเนาะ มาวันแรกๆก็ต้องมีการเปรียบเทียบกับที่ที่เราจากมามากหน่อย เรียกว่ากำลังตื่นตาตื่นใจ
ปล. ถ่ายรูปไม่สวยนะ ไม่ค่อยชอบถ่าย จะถ่ายอันที่กลัวจะลืมเท่านั้น 555 ถ่ายมายังไงก็ไม่มีทางเหมือนของจริง อยากให้ทุกคนไปเยี่ยมเยือนกันเองงงงง
ปล. 2 ไม่ค่อยได้รีวิวอะไร เพราะเดินเที่ยวกันไปเรื่อยๆ ดูผู้คนดูบ้านเมืองไปเรื่อยๆ พาเดินเล่นว่างั้นเถอะ