วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2559

พาแม่เที่ยว ฮ่องกง(+สวิต/อิตาลี) ตอนที่ 3 - กรุงเทพ ฮ่องกง : โรงแรมไกลชิบหาย


ฮ่องกงคงจะเหมือนกับที่อื่นทุกๆที่แหละ ที่มักจะถูกจริตกับใคร หรือ ไม่ถูกจริตกับใคร ก็แล้วแต่ลางเนื้อชอบลางยา

อย่างอินเดียเนี่ย บางคนไปแล้วก้ไม่อยากไปอีกเลย แต่บางคนไปแล้วยิ่งติดใจ เอาอีกๆๆ สำหรับอินเดีย เรารู้เลยว่าเราไม่น่าจะชอบเเน่ๆ

ญี่ปุ่น เราว่าเราต้องชอบมากๆ แต่พอไปแล้วกลับไม่ได้ชอบขนาดนั้น

ที่ที่ก่อนไปคิดว่าต้องชอบ แล้วพอไปจริงๆแล้วชอบ  คือเชียงดาว เชียงใหม่ ไทยแลนด์

ส่วนฮ่องกงนี่ไม่รู้เลยแฮะ ... ว่าจะเป็นยังไง ... ต้องลองไปดู

การนั่งเครื่องบินครั้งนี้จะเป็นบินระหว่างประเทศครั้งแรกของแม่ นางก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเลย  เราออกจากบ้านตั้งแต่ห้าทุ่มนิดๆ ถึงเซ็นทรัลบางนาตอนตีสองกว่าๆเพื่อแวะหาเจ้กิฟท์ ที่เราฝากแลกเงินยูโรไว้ 100,000 นึง ( ได้มา 2700 ยูโร ) แล้วก็ขึ้นทางด่วน ตรงไปดอนเมือง
พ่อกับลุงข้างบ้านที่มักจะให้ช่วยขับรถบ่อยๆเป็นคนมาส่ง พ่อไม่ได้กลัวเครื่องบิน แต่ไม่ยอมไปด้วยเพราะเสียดายตังและขี้เกียจเดดินเที่ยว  (แถมหลังจากที่ขึ้นเที่ยว กทม - ภูเก็ต แล้ว ก็เกิดอาการขยาดทัวร์จีนบนเครื่องบินขึ้นมาดื้อๆ ห้าๆๆๆ)





ถึงดอนเมืองตีสามกว่า เช็คอิน ดรอปกระเป๋าเรียบร้อย ก็หาที่นอนเรื่อยเปื่อย

สองแม่ลูกมองหน้ากันไปมา แล้วก็เห็นตรงกันว่า ไม่รู้สึกว่าจะไปยุโรปเลย รู้สึกว่าจะไปเชียงใหม่มากกว่า รึเปล่าแว๊
อาจจะเป็นเพราะเราไม่มีช่องว่างให้เตรียมตัวมากนัก ทั้งสองคนเคลียร์งานเสร็จคืนวันที่ 1 จัดกระเป๋าเสร็จตอน 4 ทุ่ม แล้วห้าทุ่มก็ออกเดินทาง ... ขุ่นพระ .... กุจะเอาเวลาไหนไปตื่นเต้น



เรานั่ง air asia ไฟลท์  6.35 ถึงฮ่องกง 10.15

แม่เหยียบแผ่นดินต่างประเทศครั้งแรก ไม่นับลาว

ลงเครื่องแล้วก็ผ่าน ตม  ( เจอดีเจนุ้ยด้วย จริงๆชอบนางมาก แต่ไม่กล้าทัก เพราะอาจจะมาส่วนตัว) เป็น ตม ที่ unfriendly ที่สุดที่เคยมีประสบการณ์มา ห้าๆๆๆ รู้สึกเสียวๆนิดๆละ จากนั้นก็ไปซื้อบัตร octopus แล้วก็นั่งรถบัส ไปขึ้นรถไฟ ตรงไปยังโรงแรม 

โรงแรมที่พักชื่อว่า mini hotel central อีนี่ก็จองไปลืมอ่านรีวิว ห้าๆๆ ไปถึงแล้วช็อคสัสสสส คือใกล้สถานีรถไฟใต้ดินนะ แต่นั่นคือการกระจัดนะ ห้าๆๆ ต้องเดินขึ้นเนิน ไกลมากกกกกก ไม่สะดวกลากกระเป๋าด้วยเพราะเป็นขั้นบรรได ไปถึงทางขึ้นโรงแรมต้องเดินขึ้นบรรไดอีก สูงมากกก ยังกะดอยสุเทพ อีดอก! 


อันนี้คือถ่ายหลังจากไปเดินเล่นมาแล้ว 
ไปฮ่องกงก็ ไม่ได้ไปไหนเยอะ เพราะกะแค่มาเป็นทางผ่าน และ*ส่วนตัว* ไม่ชอบ ฮ่องกง ห้าๆๆ อันนี้แล้วแต่คนจริงๆจ้าาา แต่ก็เป็นเมืองที่น่ารัก น่าสนใจ มีประวัติศาสตร์ มีเรื่องหลายเรื่องที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะคนที่ทำงานวนเวียนในแวดวงต่อต้านคอร์รัปชั่นอย่างเรา จะรู้ดีว่าฮ่องกงเป็นหนึ่งในโมเดลที่สู้กับคอร์รัปชั่นได้ดีอันดับต้นของเอเชีย 
ที่ที่ไปคือ เดินเล่นแถวโรงเเรมนั่นแหละ วนไปวนมา ไปหาของกินที่ร้านสะดวกซื้อ ไปขึ้น victoria peak ไปอ่าววิคตอเรีย ดูแสงสี ไม่ค่อยตื่นเต้น 
ตอนขึ้น victoria peak คือกลัวมากกกก ห้าๆๆๆ ไม่คิดว่าเวลาอยู่บน tram ตัวเองจะกลัวความสูงกลัวความชันขนาดนี้ แต่ไม่ชอบเลย ต้องต่อเเถวรอขึ้นนานมากๆ และโดนคนแซงเยอะมาก โดนเบียด โดนหลายอย่างมาก คือเจอคนทะเลาะกันด้วย น่าจะเกิดขึ้นทุกวัน เพราะคนตรงนั้นไม่มีระเบียบวินัยเลย แถมยังมีอารมณ์รุนแรงและหน้าด้านมาก ไม่มีความ friendly หรือแคร์เวิร์ลเลย  เป็นอีกเหตุผลนึงที่ทำให้ไม่ชอบฮ่องกงเท่าไร 
เราไม่เคยเห็นด้านอื่นของฮ่องกงนะ อยากไปเที่ยวอีก นานกว่าครั้งนี้ เพื่อไปเรียนรู้จริงๆ ว่าเค้าเป็นยังไง เราเชื่อว่าจะเป็นประเทศที่น่ารักมากแน่ๆ 


จากโรงแรมเราเดินไปสถานีแทรมได้ แล้วนี่ก็คือภาพบน victoria peak 



5555 รู้กัน 


คนรอขึ้น tram ไป victoria peak เยอะมากกก รอเป็นชั่วโมงกว่าๆ  ข้างๆมีที่ให้ขึ้นรถ big bus ไปเที่ยวรอบเมืองด้วย มีแก๊งนักกีฬาจากฮอลแลนด์เดินไปเดินมาด้วย ดีงามมาก ห้าๆๆ




จริงๆเป็นเมืองที่มีศิลปะซ่อนอยู่หลายๆที่เลยนะ 
บ้านเรื่อนทำให้นึกถึงหนังฮ่องกงเก่าๆเลย เมืองเป็นภูเขา มันจะชันมาก เลยนึกถึงพี่น้องชาวเขาเรา สมัยก่อนบ้านเรื่อนแถวนี้คงจะเหมือนบ้านพี่น้องชาวเขา เป็นเนิน ต้องเดินขึ้น สมัยไปค่ายนี่จะเกลียดการเดินกลับบ้านมาก เพราะเหนื่อย ห้าๆๆ ทุกคนก็จะแย่งกันอยู่บ้านใกล้ๆ จะได้ไม่เดินเหนื่อย


รถรางมันชันจริงๆคุณผู้ชม ห้าๆๆๆ ตอนพีคสุดคือมีการหยุดรถด้วยจ้าาาาาา คนก็เต็มคัน ชันมากกกก มุม น่าจะน้อยกว่า 45 องศา ให้เดาตามความรู้สึก กลัวมากว่าล็อคจะหลุดแล้วรถทั้งคันก็ร่วงลงด้วยความเร็วแล้ว ... เอื้อออออ อย่าจินตนาการเลย  



ไปอ่าววิคฯ ไปดูแสงสีที่ยิงจากตึกต่างๆ คือ ไม่มีดนตรี มีแต่ตึกกับไฟแวบๆ เราไม่ชอบตึก แถมไม่ได้หาข้อมูลว่ามันทำไปเพื่ออะไรเราเลยไม่สนุกเลย เดินออกมาจากที่ดูแสง มาเจอน้องๆเล่นดนตรี แนวคล้ายๆของไทยเลย เวลาร้องออกมาฟังเผินๆนึกว่าเพลงไทย 



ถ่ายหลัง HSBC ( ถ้าจำไม่ผิด ) ฮ่องกงมีพื้นที่ให้คนมารวมตัวกันเยอะนะ ตามซอกซอย หลังตึก ริมอ่าว เยอะเลย เยอะกว่า กทม (เท่าที่เคยเห็น) คือไม่ค่อยเห็นสวนสาธารณะที่คนมาวิ่งๆออกกำลังกายอะ  แต่จะเห็นเป็นพื้นที่ออกมานั่ง พบปะ มาทำกิจกรรม ทำนู่นนี่กัน ดีมากๆ 


ไปหาติ่มซำเจ้าดังกินแถวศาลากลาง ปรากฏคนเยอะมากๆๆๆๆ เลยหนีลงมาหาอะไรธรรมดาๆกิน เจอร้านเป็ดย่างแบบ grab and go หรือนั่งกินในร้านก็ได้ ตรงข้ามเป็นอะไรสักอย่าง เปิดข้อมูลอ่านแล้ว ลืมไปแล้ว ห้าๆๆ  มีพี่น้องชาวพม่ามาทำกิจกรรมอยู่ด้วย 

นี่คือฮ่องกงครั้งแรกของเรา ได้แวะแค่วันสองวัน  ไม่ประทับใจเท่าไร แต่เราจะหาโอกาสกลับไปทำความรู้จักกับฮ่องกงจริงๆ ให้มากกว่านี้ให้ได้  แล้วจะกลับมาเขียนใหม่ ว่าไปรู้จักเผินๆ กับรู้จักลึกๆ มันต่างกันยังไง 

พาแม่เที่ยว ฮ่องกง(+สวิส/อิตาลี) ตอนที่ 2 - รีวิวสถานที่ซื้อเสื้อผ้า

ขุ่นพระ เราจะไปประเทศเมืองหนาว
เราไม่รู้อะไรเท่าไรเลย อ่านในกระทู้นู้นกระทู้นี้ก็จริง แต่ในความเป็นจริง ก็นยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่ากำลังจะเผชิญกับอะไรกันแน่

15 องศาบ้านเค้าจะเหมือนบ้านเรามั้ย แดดมันจะเป็นยังไง ต้องใส่โค้ทแบบไหน  เวลาขึ้นเขาทางที่เหยียบหิมะไป จะเปียกมั้ย รองเท้าอะไรดี

แม้จะเคยไปอยู่อเมริกามาแล้ว 3 เดือน ที่ north dakota เจอทั้งน้ำท่วม หิมะตก พายุหิมะ หนาวจะตาที่เยลโลวสโตน ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าต้องเตรียมอะไรไปมากมายแค่ไหน

เลยตัดสิินใจว่า อะเคร เอาเสื้อธรรมดาไป เอาลองจอนไป เอาเสื้อ sweater คอเต่าไป แล้วก็ โค้ทกลางๆสักตัว รองเท้าผ้าใบ  2 คู่ ถุงเท้าสิบกว่า

แต่เรามีเวลาว่างทั้งสิ้น .... 1 วัน ในการชอปปิ้ง ห่านน จะหาทันมั้ย ห้าๆๆ

stop แรกเราไปที่แพลตตินั่ม เดินดุไม่ถึงชั่วโมง ตัดสินใจหนีเลย ไม่มีแบบที่อยากได้เลยสักร้าน ทั้งเสื้อผ้า เสื้อโค้ท กระเป๋า รองเท้า ไม่ใช่เลย
stop ที่สอง ไปเดิน MBK ได้ โค้ทมาหนึ่งตัว สวยดี ใส่อุ่น แต่ไม่หนาเกินไป เป๊ะมาก จำยี่ห้อไม่ได้ 6 พันนิดๆ
stop ที่สาม เดินผ่านสยาม ก็ยังไม่เจอเป้าหมาย เพราะเดินผ่านอย่างรวดเร็วมาก ทำไมเรารู้สึกว่าร้านเสื้อผ้าที่สยามดูไม่ต้อนรับยังไงไม่รู้เนอะ ห้าๆๆ  ดูเป็น showroom มากๆในความรู้สึกเรา
stop ที่ที่สี่ เซ็นเวิล - uniqlo / super sport ได้กางเกง เสื้อ รองเท้า เลิศมาก
stop ที่ห้า ร้านบน bts ได้ถุงเท้า


แล้วมาเก็บตกที่ the mall โคราช แม่ได้กระเป๋าถือ รองเท้า เสื้อโค้ท โทรศัพท์ใหม่ ผ้าพันคอ ( ที่นางมีอยู่แล้วเต็มตู้ )   เราได้กระเป๋าเดินทาง เสื้อผ้าเพิิ่มเติม เครื่องสำอางค์ บลาบลา

สรุปคือ แค่ the mall โคราช / เซ็นเวิล / MBK ก็น่าจะครอบคลุมเท่าที่อยากได้ละ

เตรียมงบไปนะ อย่างต่ำ 15,000 หมดแน่นอน
LOL

รองเท้ายี่ห้อนี้น่ารักๆเพียบเลย ใส่สบายดีด้วย


                                 เช้าวันต่อมาก็มาประชุมกับพี่แต๊กพี่เก๋งาน open data จ้าาาา ถือโอกาสพาแม่มาดูมาดีด้วย

พาแม่เที่ยว ฮ่องกง(+สวิส/อิตาลี) ตอนที่ 1 - ขอวีซ่าเชงเก้นและเตรียมตัว

เป็นอะไรที่ challenge มากเลยกาขอวีซ่าเชงเก้นเนี่ย ห้าๆๆ


พอขอผ่านแล้ว มันก็ไม่ได้ยากหรอกนะ แต่ตอนที่เตรียมเอกสาร ยิ่งเป็นครั้งแรกด้วยเนี่ย อะไรๆมันก็สับสน ยิ่งข้อมูลที่ให้ในเว็บของตัวแทนสถานฑูตที่เราคิดว่าจะละเอียดยิบเพื่ออำนวยความสะดวกกับเราล่ะก็ ฝันไปเถิด

ในกรณีพิเศษอะไรต่างๆ อย่าหวังว่าจะหาข้อมูลได้เว็บตัวแทนฯเลย หาเอาใน google ดีกว่า

ที่รอดมาได้ในการยื่นครั้งเดียวนี่ก็เพราะพี่ๆน้องๆที่เขียนบทความไว้ตามเว็บต่างๆ ขอบพระคุณจริงๆ

โดยรวมแล้ว ก็ควร start ที่ www.tlscontact.com แหละ แล้วหากมีข้อสงสัยอะไรก็ลองหาทางกันเอาเองนะ สนุกดี มีเรื่องให้บ่นประสาทแดกอยู่แปปนึง  อย่าหวังว่า FAQ จะตอบ FAQ ได้ ห้าๆๆๆ ไอ้ที่เขียนบอกว่าเอาทั้งตัวจริงและสำเนา ถึงเวลาก็ไม่เอา บลาบลา ( เปลืองกระดาษชิบหาย )

ในกรณีเรา ที่ไม่ใช่เด็ก แถมยังเป็น freelance ต้องให้พ่อออกตังช่วยในการเดินทาง เอกสารที่เพิ่มเติมคือ ทะเบียนบ้านพ่อ ทะเบียนบ้านเรา แปลเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อยืนยันว่าเป็นพ่อลูกกันจริงๆ แล้วก็ใช้ statement ของพ่อ ยื่นไป
ส่วนจดหมายแนะนำตัว หลายเว็บบอกว่าเอา แต่ของเราเค้าคัดทิ้ง ( แหม่ เขียนตั้งนานนะฮะ )

เราเอาเอกสารไปเกินเยอะอยู่นะ เสียดายมากๆ





พาแม่มากินกิวด้ง นอนที่ T H A เอกมัย 6 ตอนเช้าก็ขับรถไปยื่นพร้อมกันที่ศูนย์ TLS

จะบอกว่าการขอวีซ่า คนจำนวนมากมีต้นทุนมากกว่าค่าธรรมเนียม โดยเฉพาะคนต่างจังหวัด ที่ต้องเสียเวลาอย่างน้อยก็วันสองวัน ค่ารถ ค่าที่พัก ค่านู่นค่านี่ แพงมากนะ

ยังไงก็ช่วยปรับปรุงข้อมูลให้ละเอียดๆจะดีมากเลย  เพราะเราเป็นคนยื่น เราก็ไม่ได้ทราบรายละเอียดมาก่อน ว่าอะไรเป็นอะไร แล้วเงื่อนไขของแต่ละคน จะให้เค้าเตรียมเอกสาร extra อะไรก็ช่วยบอกแบบละเอียดๆหน่อยฮะ ขอบคุณล่วงหน้าค่าาาา

สุดท้ายคือการขอวีซ่าแม่งเป็นเรื่องที่น่าสับสนที่สุดในทริปนี้ละ เราอยากให้ทุกคนได้ร่วมชะตากรรมเดียวกับเรา เราเลยจะไม่บอก ว่ามันมี challenge อะไรบ้าง อยากให้ได้ลอง สู้ๆนะ :))) 555555555555
LMAO

เราวางแผนคร่าวๆ แบบคร่าวมากๆเพราะไม่มีเวลาเลยจริงๆ เตรียมเฉพาะที่จำเป็น เส้นทางที่จะไป จองที่พัก เช็ค swiss pass แค่นั้นจริงๆ  กับเสิร์ชดูนิหน่อยว่าที่ไหนน่าไป กะไปตาเอาดาบหน้า

หลายปีที่แล้ว ประมาณ ห้าปีมั้ง เราได้มีโอกาสขับรถจาก north dakota ไป wyoming กับเพื่อนๆ โดยปลายทางอยู่ที่ yellowstone
ตอนนั้นก็ไม่ได้วางแผนอะไรมากนัก ก็พากันขึ้นรถไปเที่ยว แต่สิ่งที่ประทับใจที่สุด ไม่ใช่ตัว yellowstone นะ แต่เป็นรหว่างทาง วิว หมู่บ้าน ภูเขา เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นต่างหาก ที่ทำให้ทริปนั้นกลายเป็นทริปในความทรงจำ ( เดี๋ยวจะมาเล่านะ ) ตั้งแต่นั้นมาก็จะรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่ต้องวางแผนเที่ยวแบบเป๊ะๆๆ เพราะเราชอบทุกครั้งเลย เวลาเกิดเรื่อง ต้องตัดสินใจ หรืออะไรก็ตามที่แปลกๆที่ต้องทำร่วมกัน มันสนุกดี มันได้สัมผัสอะไร หลายมิติ ห้าๆๆๆ

ครั้งนี้ด้วยเงื่อนไขที่ว่าแม่เองก็ไม่ได้วัยรุ่นมีแรงเดินโหดๆได้ทั้งวัน และเราไม่ฉี่แชะช็อปแน่นอน เลยตั้งใจจะเดินชิว ดูบ้านเมืองที่พัฒนา ดูธรรมชาติ ดูวิถีชีวิต  ซึ่งเป็นเสน่ห์แท้ๆของยุโรป และที่สำคัญคือ จะได้ใช้เวลาด้วยกันเต็มที่ มากกว่าจะเก็บ landmark ให้ครบ




นี่คือรูปที่ประทับใจ พี่มาร์กมาช่วยแนะนำ เรื่องเที่ยวซูริคและเวนิซ อร๊ายยยย บ้าน่ะะะ #เชิญรับยาสลายมโนที่ช่อง2ค่ะ #ชั้นเปล่านะเค้ามาเอง


ตอนหน้าก็จะเป็นการบ่นขิงบ่นข่าเรื่องการเตรียมตัวแหละ ห้าๆๆ